โดยทั่วไปแล้ว ความเร็วในการแก้ปัญหาของคอมพิวเตอร์ เมื่อเรานำคอมพิวเตอร์ไปใช้แก้ปัญหาใดๆ จะขึ้นกับปัจจัยอยู่
สองประการ คือ อัลกอริทึม หรือวิธีการที่ใช้เขียนโปรแกรม และความสามารถของเครื่องคอมพิวเตอร์
ปัญหาง่ายๆ อย่างหนึ่งที่คนสามารถใช้เวลาไม่นานในการแก้ปัญหา และมักถูกหยิบยกมาให้นักเรียนได้ฝึกเขียนโปรแกรม
คือ ปัญหา แผ่นเลื่อนแปดแผ่น ตามที่เห็นในรูปครับ

ปัญหาข้อนี้ ถ้าเขียนโปรแกรมไม่ดี อาจต้องใช้เวลาหลายพันปี
ใช่แล้ว คุณอ่านไม่ผิดหรอกครับ อาจใช้เวลาหลายพันปีจริงๆ แต่ด้วยวิธีการอันชาญฉลาดจะสามารถลดเวลาลงได้ จนเหลือไม่ถึงสิบวินาที แล้วทำไมผมถึงยกตัวอย่างปัญหาข้อนี้ขึ้นมา เหตุผลก็เพราะว่า ผมอ่านไปเจอข่าวชิ้นหนึ่งที่มีคนเขียนถึงโปรแกรมชื่อ อี-พัซเซลอร์ (e-Puzzler ) ซึ่งบีบีซีนิวส์เขียนถึงเรื่องนี้ไว้เมื่อเดือนมิถุนายน 2551 และไทมส์เขียนถึงเรื่องนี้ไว้อีกครั้งเมื่อเดือนเมษายนปีนี้เอง
โครงการอี-พัซเซลอร์นี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจัดการปัญหาในทำนองเดียวกันกับปัญหาแผ่นเลื่อนแปดแผ่นนี้ โดยโครงการนี้เกิดจากกาความต้องการกู้คืนเอกสารที่เป็นความลับของกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติของเยอรมันตะวันออก ซึ่งก่อนการทลายกำแพงเบอร์ลินเมื่อ 21 ปีก่อนหน้านี้ เอกสารเหล่านี้ถูกสั่งให้ทำลาย ในตอนต้นเอกสารเหล่านี้ถูกทำลายด้วยเครื่องทำลายเอกสาร แต่ด้วยเหตุผลใดไม่ปรากฏ แรงงานมนุษย์ถูกนำมาใช้ฉีกทำลายเอกสารเหล่านี้ในเวลาต่อมา ซึ่งผลจากการสั่งให้ทำลายเอกสารในครั้งนั้น คือ เกิดเศษกระดาษขนาดเล็ก ๆ จำนวนมาก โดยเอกสารเหล่านี้ถูกเก็บไว้ในห้องใต้ดินของสำนักงานใหญ่ของกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติในกรุงเบอร์ลิน ในถุงขยะจำนวน 16,000 ใบ ถ้าจะนับเป็นจำนวนเศษกระดาษชิ้นเล็กๆ ก็คือ ประมาณ 600 ล้านแผ่น
ในอีกสองปีต่อมาหลังการทลายกำแพงเบอร์ลิน เจ้าหน้าที่จำนวน 45 คนได้รับมอบหมายให้นำเศษกระดาษชิ้นเล็กชิ้นน้อยนี้มาเรียงต่อกันเพื่อกู้ข้อความความลับที่ถูกเก็บซ่อนไว้กลับมา ผลจากการทำงานหนักอย่างต่อเนื่องของเขาเหล่านี้ ในเดือนสิงหาคม 2552 มีการนำเอกสารมาเรียงต่อกันจากถุงเพียง 350 ใบเท่านั้นเอง ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ว่ากันว่า จะต้องใช้เวลาถึง 800 ปี ในการกู้คืนเอกสารทั้งหมด (คุณผู้อ่านสามารถหารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก http://www.time.com/time/business/article/0,8599,1983287,00.html)
โครงการอี-พัซเซลอร์จึงเกิดขึ้น เพื่อนำเอกสารชิ้นเล็กชิ้นน้อยเหล่านี้มาสแกนเก็บเป็นไฟล์ด้วยเครื่องสแกนชนิดพิเศษ เพื่อให้สามารถแปลงภาพของกระดาษชิ้นเล็กๆ เหล่านี้ให้เป็นดิจิทัล จากนั้นจึงนำกระดาษชิ้นเล็กชิ้นน้อยในรูปแบบดิจิทัลเหล่านี้มาเรียงประกอบกันเพื่อกู้คืนต้นฉบับที่สมบูรณ์ ซึ่งจากการประมาณของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโครงการนี้ จะต้องรอไปจนถึงปี พ.ศ. 2556 จึงจะเรียงต่อกระดาษชิ้นเล็กชิ้นน้อยเหล่านี้มาเรียงต่อกันจนเสร็จ
เห็นไหมครับว่า กับหลายปัญหาบนโลกนี้ คอมพิวเตอร์ที่ว่าเร็วๆ ยังต้องใช้เวลาหลายปีมนุษย์เองก็เช่นกันครับ ถึงแม้ปัญหาจะยากลำบาก แต่การเริ่มตะลุยแก้บนหนทางอันยาวไกล ก็ยังดีกว่า
“การนั่งมองปัญหา โดยไม่ทำอะไร”...จริงไหมครับ
แหล่งที่มา:http://www.vcharkarn.com/varticle/42259
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น